พระมหาบุญทัน รตนปญฺโญ


พระมหาบุญทัน รตนปญฺโญ 


พระวิปัสสนาจารย์ประจำโพธิปักขิยธรรมสถาน

พระอาจารย์มหาบุญทัน รตนปญฺโญ มีนามเดิมว่า บุญทัน สาลี  เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘  ที่ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์ เป็นบุตรของ นายล้อม และนางทุมมี สาลี มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน

 

บรรพชา  ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๑ - ๒๕๓๘ ที่วัดสุขสำราญ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์

อุปสมบท วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๕ วัดบ้านยาง ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ. บุรีรัมย์ และเข้าปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน โดยมีพระครูภาวนาวิหารธรรม วิ เป็นผู้บอกพระกัมมัฏฐาน ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๘

 

ปัจจุบันเป็นพระวิปัสสนาจารย์

- โพธิปักขิยธรรมสถาน จ.สระบุรี

- วัดสุขสำราญ จ.บุรีรัมย์

- ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

พระครูภาวนาวิหารธรรม วิ.


พระครูภาวนาวิหารธรรม วิ. (พระมหาเหล็ก จนฺทสีโล)

 

พระวิปัสสนาจารย์ใหญ่ ประจำโพธิปักขิยธรรมสถาน

เจ้าอาวาสวัดสุขสำราญ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

เจ้าคณะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

 

นามเดิม เหล็ก สุภศร เกิดเมื่อวันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๒ ที่บ้านครั่ง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรของนายสี และนางจันดา สุภศร ปัจจุบันโยมพ่อโยมแม่ถึงแก่กรรม มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น ๙ คน  

งานของท่าน     

พ.ศ.๒๕๑๔   จบนักธรรมเอก

พ.ศ.๒๕๒๔   จบเปรียญธรรม ๓ ประโยค

พ.ศ.๒๕๓๒ – ๒๕๓๖  หันจากภาวนาพุทโธมาเริ่มฝึกสายพองหนอ-ยุบหนอกับพระอาจารย์ดร.ภัททันตะ อาสภะมหาเถระ ธรรมาจริยะ อัคคมหากัมมัฏฐานาจริยะ ที่สำนักวิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี เป็นเวลา ๔ ปี 

พ.ศ.๒๕๓๓    รับปริญญาตรีพุทธศาสตร์บัณฑิต มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

พ.ศ.๒๕๓๙    เป็นเจ้าอาวาสวัดสุขสำราญ บ้านโคกหัวเสือ  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

พ.ศ.๒๕๕๑     รับพระราชทานสมณศักดิ์ มีพระราชทินนามว่าพระครูภาวนาวิหารธรรม ทผจล.ชอ.วิ.(พระครูชั้นเอก เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ)

พ.ศ.๒๕๕๔     รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัดในปกครอง ๒๐ วัด ๑๔ สำนักสงฆ์      

พ.ศ.๒๕๕๖    เป็นพระอุปัชฌาย์   

พ.ศ.๒๕๕๙     รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ พัดยศ เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอ ชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ (จอ.ชพ.วิ)

 

ปัจจุบันพระครูภาวนาวิหารธรรม เป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำที่

  • วัดสุขสำราญ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์
  • ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี
  • มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • โพธิปักขิยธรรมสถาน ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
  • สวนธรรมหาดเสลา ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว    จังหวัดนครสวรรค์
  • บ้านสบาย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา      

พระครูภาวนาวิหารธรรม วิ. มีสำนักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่บรรดาศิษย์ของท่านได้ร่วมกันสร้างถวาย ๒ แห่ง คือ โพธิปักขิยธรรมสถาน  ตั้งอยู่ที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และสวนธรรมโคกระกา ตั้งอยู่ข้างวัดสุขสำราญ ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

ตราสัญลักษณ์

 

ตราสัญลักษณ์ของมูลนิธิวิปัสสนามิตรภาพ

 

ตราสัญลักษณ์ของมูลนิธิเป็นรูปดอกบัวสี่เหล่า ซึ่งพระอรรถกถาจารย์ได้อุปมาเสมือนบุคคล ๔ จำพวก ได้แก่

๑. อุคฆฏิตัญญู ดอกบัวที่ตั้งขึ้นพ้นน้ำ รอสัมผัสแสงอาทิตย์ก็จะบานในวันนี้ เปรียบเสมือน บุคคลที่มีปัญญา เฉียบแหลมได้รับฟังเพียงหัวข้อธรรมก็สามารถบรรลุ ธรรมได้ อาทิ พระสารีบุตร เมื่อได้สดับธรรมจากพระอัสสชิ ว่า  ธรรมเหล่าใดเกิด แต่เหตุ พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระองค์ มีปกติตรัสอย่างนี้  ก็เกิดดวงตาเห็นธรรมที่ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมต้องมี ความดับเป็นธรรมดา

๒. วิปจิตัญญู ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ จักบานในวันพรุ่งนี้ เปรียบเสมือน บุคคลที่ได้รับ ฟังธรรมแล้วต้องได้รับ การอธิบายขยายความหมายของหัวข้อธรรมนั้นจึงจะบรรลุธรรมได้

๓. เนยยะ ดอกบัวที่อยู่ในน้ำ ยังไม่โผล่พ้นน้ำ จักบานในวันต่อๆไป เปรียบเสมือน บุคคล ที่ฟังธรรมแล้ว ต้องได้รับ การอธิบายขยายความหมายของหัวข้อธรรมนั้นอย่างต่อเนื่องและ บ่อยๆ จึงจะสามารถบรรลุธรรมได้

๔. ปทปรมะ ดอกบัวจมอยู่ในโคลนตมจักกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า เปรียบเสมือนบุคคล ผู้ด้อยด้วยปัญญา แม้จะแสดงธรรมให้ฟังเท่าใดก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้

 

ประวัติพระอาจารย์



ประวัติ

คณะศิษยานุศิษย์พระครูภาวนาวิหารธรรม วิ. (เหล็ก จนฺทสีโล) โดย ดร. ธีระ - รศ.ดร. จารุมา อัชกุล และคณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาก่อสร้าง โพธิปักขิยธรรมสถาน เพื่อเป็นพุทธบูชาและเพื่อแสดงถึงความกตัญญูกตเวที ที่มีต่อพระครูภาวนาวิหารธรรม วิ. (เหล็ก จนฺทสีโล) อีกทั้งเพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้มีสถานปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน ที่สัปปายะ มีครูบาอาจารย์ที่สามารถช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถเข้าถึงแก่นแท้แห่งพุทธธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

 

ในเริ่มแรกคณะศิษย์ได้ดำเนินการเพื่อขอจัดตั้ง มูลนิธิวิปัสสนามิตรภาพ ในปี ๒๕๔๓ และคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ออกหนังสืออนุญาต ให้ดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิวิปัสสนามิตรภาพในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการประกาศการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไปเล่มที่ ๑๑๘ ตอนที่ ๑๐๐ วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๔  ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้มีการจดทะเบียน ให้โพธิปักขิยธรรมสถาน มูลนิธิวิปัสสนามิตรภาพ เป็นมูลนิธิสาขาของวัดสุขสำราญ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์

 

 

มูลนิธิมีวัตถุประสงค์หลัก

เพื่อพัฒนาก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม และจรรโลงส่งเสริมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐาน พองหนอ-ยุบหนอ

 

โพธิปักขิยธรรมสถาน 

ตั้งอยู่บนที่ดินเนื้อที่ ๑๒ ไร่ เชิงภูเขาโดยมีถนนเข้าถึงได้โดยสะดวก และการก่อสร้างกุฏิ แบ่งเป็น เขตโยคีหญิง โยคีชาย เขตพระสงฆ์ และเขตธุดงค์ 

สำหรับเขตปฏิบัติธรรมแบ่งเป็นส่วนของโยคีหญิง  และโยคีชาย ประกอบด้วย กุฏิเดี่ยวพร้อมห้องน้ำ จำนวน ๑๑ กุฏิ เรือนแถวใต้ถุนสูง ซึ่งมีห้องเดี่ยวพร้อมห้องน้ำ รวม ๑๒ ห้อง และศาลาปฏิบัติธรรมซึ่งสามารถรองรับโยคีได้ ๑๕ - ๓๐ ท่าน

 

 

   
   

 

 

Free Joomla! template by L.THEME